1. ETF หรือ Exchange Traded Fun คือ
กองทุนเปิดที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น (Open-ended Equity Fund) และหน่วยลงทุนของกองทุน ETF ยังเป็นหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (Listed Securities) อีกด้วย
ETF เปรียบเสมือนกองทุนที่ลงทุนในหุ้น SET50 ซึ่งจะคิดมูลค่าหน่วยลงทุนทุกนาที (Real Time) โดยมี Market Maker คอยจัดให้ราคาเสนอซื้อขายใกล้เคียงกับมูลค่าหน่วยลงทุนที่แท้จริง ทำให้นักลงทุนสามารถส่งคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนของ ETF ได้ในราคาที่แท้จริงตลอดเวลา ซึ่ง ETF ในต่างประเทศนั้นใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งสำหรับ นักลงทุนสถาบัน หรือนักลงทุนต่างประเทศ ในการลงทุน ETF แทนการซื้อหุ้นใน SET50 และนอกจากนี้ยังใช้ ETF ในการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และOption เพื่อทำให้การบริหารพอร์ตลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยผู้ลงทุนในETF สามารถ ทำธุรกรรมการ Short Sell ได้เมื่อผ่านระบบการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (Securities Borrowing and Lending :SBL) นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถซื้อขายโดยใช้บัญชีมาร์จิ้น(Margin Account) ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุนที่ทำให้การลงทุนผ่านกองทุน ETF ไม่แตกต่างจากการลงทุนในหุ้น กองทุน ETF พูดง่าย ๆ ก็คือ กองทุนเปิดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซื้อขายสะดวกเหมือนหุ้น แต่กระจายความเสี่ยงเหมือน index fund ที่เสียค่าบริหารจัดการต่ำกว่ากองทุนอื่นๆ กองทุน ETF สามารถอ้างอิงดัชนีได้หลายประเภท เช่น ดัชนีราคาหลักทรัพย์ ดัชนีราคาตราสารหนี้ ดัชนีราคาทองคำ เป็นต้น
2. RMF คือ
RMF ย่อมาจากคำว่า Retirement Mutual Fund หรือเรียกในชื่อไทยว่า “กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ” เป็นกองทุนรวประเภทหนึ่ง (กองทุนรวม หมายถึง การนำเงินของผู้ลงทุนหลายๆ คนมารวมกัน แล้วมีมืออาชีพ ซึ่งก็คือ บริษัทจัดการ คอยบริหารจัดการเงินตามนโยบายการลงทุนที่กำหนดไว้) ซึ่งมีวัตถุประสงค์พิเศษแตกต่างจากกองทุนรวมทั่วไป คือ RMF เป็นเครื่องมือหนึ่งในการสะสมเงินไว้ใช้ในวัยเกษียณ ที่ทางการให้การสนับสนุนสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ลงทุนเพื่อเป็นแรงจูงใจ
RMF เหมาะกับคน ทุกกลุ่มที่ต้องการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ยังไม่มีสวัสดิการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) มารองรับ หรือมีสวัสดิการดังกล่าวแต่ยังมีกำลังออมเพิ่มมากกว่านั้นได้อีก
RMF มีนโยบายการลงทุนให้ เลือกหลากหลายเหมือนกองทุนรวมทั่วไป ตั้งแต่กองทุนที่มีระดับความเสี่ยงต่ำ เน้นลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร กองทุนที่มีระดับความเสี่ยงปานกลางที่อาจผสมผสานระหว่างการลงทุนในตราสาร หนี้และตราสารทุน ไปจนถึงกองทุนที่มีระดับความเสี่ยงสูง เน้นลงทุนในตราสารทุน เช่น หุ้น ใบสำคัญแสดงสิทธิการซื้อหุ้น (warrant)
RMF มีข้อแตกต่างจากกองทุนรวมทั่วๆ ไป คือ
1. หากลงทุนครบตามเงื่อนไขจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
2. ไม่สามารถโอน จำนำ หรือนำหน่วยลงทุนไปเป็นหลักประกันได้
3. ไม่มีการจ่ายเงินปันผล
3. LTF คือ
LTF ย่อมาจากคำว่า Long Term Equity Fund หรือเรียกในชื่อไทยว่า “กองทุนรวมหุ้นระยะยาว” เป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหุ้น โดยทางการสนับสนุนให้จัดตั้งขึ้นเพื่อเพิ่มสัดส่วนผู้ลงทุนสถาบัน (ซึ่งก็คือ กองทุนรวม) ที่จะลงทุนระยะยาวในตลาดหลักทรัพย์ฯการเพิ่มผู้ลงทุนสถาบันดังกล่าวจะช่วย ให้ตลาดทุนไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้ที่ลงทุนใน LTF ที่เป็นบุคคลธรรมดาจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อเป็นแรงจูงใจในการลง ทุน
LTF เหมาะกับคน ทุกกลุ่มที่ต้องการลงทุนในหุ้นระยะยาว แต่อาจไม่มีความชำนาญเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น หรือไม่มีเวลาจึงลงทุนผ่านกองทุนรวม ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจะต้องเข้าใจและยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุน และเงื่อนไขเกี่ยวกับระยะเวลาในการลงทุนได้
LTF มีนโยบายการลงทุนแบบ เดียว คือ ลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยอาจเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET50 หุ้นตามกลุ่มอุตสาหกรรม หรือลงทุนในหุ้นตามที่บริษัทจัดการเห็นควรก็ได้ ขึ้นอยู่กับรายละเอียดนโยบายการลงทุนของแต่ละ LTF
LTF มีข้อแตกต่างจากกองทุนรวมทั่วๆ ไป คือ
1. หากลงทุนครบตามเงื่อนไขจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
2. ไม่สามารถโอน จำนำ หรือนำหน่วยลงทุนไปเป็นหลักประกันได้
3. เป็นกองทุนเปิด ซึ่งกำหนดให้ขายคืนหน่วยลงทุนได้ไม่เกินปีละ 2 ครั้ง
วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ERP (Enterprise Resource Planning)
ERP ย่อมาจาก Enterprise Resource Planning หมายถึง เป็นการวางแผนการลงทุน และการใช้ทรัพยากรในองค์กรทั้งหมด อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด หรืออาจจะเรียกได้ว่า ERP เป็น เครื่องมือช่วยในการบริหารงานขององค์กร โดยรวมระบบงานหลักต่างๆ ทั้งหมดในบริษัท เข้าด้วยกัน เป็นระบบงานที่สัมพันธ์ต่อเนื่องกัน เชื่อมโยงกันแบบ Real time ทำให้สามารถบริหาร องค์กรได้อย่างเป็นระบบมีประสิทธิภาพ โดยข้อมูล ของระบบทุกส่วนจะอยู่ในส่วนกลางส่วนเดียวกัน ลดการซ้ำซ้อนของข้อมูล ไม่เกิดความขัดแย้งของข้อมูล รวมทั้งลดกระบวนการทำงาน ทำให้มีการใช้แรงงานและเวลาที่น้อยลง ซึ่งส่งผลให้เป็นการลดต้นทุนด้วย
ERP มีการทำงานแบบ Real time และ การไหลของข้อมูลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน การเชื่อมโยงกันของข้อมูลในระบบที่เป็นเส้นทางเดียวกันนี้เอง การไหลของข้อมูลจึงทำให้สามารถรับรู้สถานการณ์และปัญหาของงานต่างๆ ได้ทันที มีผลสำคัญในการตัดสินใจแก้ปัญหาองค์กรได้อย่างรวดเร็วการไหลของข้อมูลการ เชื่อมต่อข้อมูลทำให้เกิดความรวดเร็ว สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้ การดึงเข้าใช้งานของระบบหรือแผนกต่างๆ จะสามารถทำได้ไม่ล่าช้า ข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูลจะเป็นปัจจุบันที่สุด ทำให้สามารถทำการวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
อีกทั้ง ERP ยังเป็นเครื่องมือสำหรับพยากรณ์การดำเนินงาน การลงทุน หรือการจัดการบริหารงานด้านต่างๆ เช่น การบริหารยอดขายหรือรายจ่ายในอนาคต การบริหารระบบการผลิตต่างๆ ฯลฯ ทำให้ผู้บริหารสามารถกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น หรือวางแผนการดำเนินการล่วงหน้าได้ เพื่อป้องกันปัญหาหรือผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ERP ยังเป็นระบบปฎิรูปจิตสำนึกการทำงาน กล่าวคือ การใช้ระบบ ERP อาจ จะต้องปรับเปลี่ยนการทำงาน จึงทำให้เกิดกิจกรรมการปฎิรูปองค์กร ซึ่งทำให้การทำงานเป็นในระบบแบบแผนและมาตรฐานเดียวกัน สร้างผลดีให้กับองค์กร ทำให้สามารถยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กรในด้านต่างๆ ได้
บทบาทของ ERP
สภาพ ธุรกิจที่มีขนาดใหญ่และมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นผลทำให้เกิดการเชื่อมโยงของกิจกรรมสร้างมูลค่าให้กับลูกค้า ของแผนกต่างๆที่เกี่ยวข้อง ยาวและซับซ้อนขึ้น และเมื่อความเชื่อมโยงของกิจกรรมต่างๆ ขยายใหญ่และซับซ้อนขึ้น ถ้าไม่มีระบบข้อมูลในการจัดการที่ดี โอกาสที่จะเกิดปัญหาในการรับรู้สภาพการเชื่อมโยงของกิจกรรมย่อมทำได้ยาก และผลที่ตามมาคือ ข้อมูลมากแต่ไม่รู้ว่าข้อมูลอันไหนที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจที่จะลงทุน และบริหารทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพได้ ดังนั้น ERP ก็ คือเครื่องมือที่นำมาใช้ในการบริหารธุรกิจเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ในเชิงบริหารที่เกิดขึ้นดังกล่าวอีกทั้งจะช่วยให้้สามารถวางแผนการลงทุนและ บริหารทรัพยากรขององค์กรโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ERP มีการทำงานแบบ Real time และ การไหลของข้อมูลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน การเชื่อมโยงกันของข้อมูลในระบบที่เป็นเส้นทางเดียวกันนี้เอง การไหลของข้อมูลจึงทำให้สามารถรับรู้สถานการณ์และปัญหาของงานต่างๆ ได้ทันที มีผลสำคัญในการตัดสินใจแก้ปัญหาองค์กรได้อย่างรวดเร็วการไหลของข้อมูลการ เชื่อมต่อข้อมูลทำให้เกิดความรวดเร็ว สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้ การดึงเข้าใช้งานของระบบหรือแผนกต่างๆ จะสามารถทำได้ไม่ล่าช้า ข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูลจะเป็นปัจจุบันที่สุด ทำให้สามารถทำการวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
อีกทั้ง ERP ยังเป็นเครื่องมือสำหรับพยากรณ์การดำเนินงาน การลงทุน หรือการจัดการบริหารงานด้านต่างๆ เช่น การบริหารยอดขายหรือรายจ่ายในอนาคต การบริหารระบบการผลิตต่างๆ ฯลฯ ทำให้ผู้บริหารสามารถกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น หรือวางแผนการดำเนินการล่วงหน้าได้ เพื่อป้องกันปัญหาหรือผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ERP ยังเป็นระบบปฎิรูปจิตสำนึกการทำงาน กล่าวคือ การใช้ระบบ ERP อาจ จะต้องปรับเปลี่ยนการทำงาน จึงทำให้เกิดกิจกรรมการปฎิรูปองค์กร ซึ่งทำให้การทำงานเป็นในระบบแบบแผนและมาตรฐานเดียวกัน สร้างผลดีให้กับองค์กร ทำให้สามารถยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กรในด้านต่างๆ ได้
บทบาทของ ERP
สภาพ ธุรกิจที่มีขนาดใหญ่และมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นผลทำให้เกิดการเชื่อมโยงของกิจกรรมสร้างมูลค่าให้กับลูกค้า ของแผนกต่างๆที่เกี่ยวข้อง ยาวและซับซ้อนขึ้น และเมื่อความเชื่อมโยงของกิจกรรมต่างๆ ขยายใหญ่และซับซ้อนขึ้น ถ้าไม่มีระบบข้อมูลในการจัดการที่ดี โอกาสที่จะเกิดปัญหาในการรับรู้สภาพการเชื่อมโยงของกิจกรรมย่อมทำได้ยาก และผลที่ตามมาคือ ข้อมูลมากแต่ไม่รู้ว่าข้อมูลอันไหนที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจที่จะลงทุน และบริหารทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพได้ ดังนั้น ERP ก็ คือเครื่องมือที่นำมาใช้ในการบริหารธุรกิจเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ในเชิงบริหารที่เกิดขึ้นดังกล่าวอีกทั้งจะช่วยให้้สามารถวางแผนการลงทุนและ บริหารทรัพยากรขององค์กรโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
บทบาทเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีต่อการจัดการทางการเงิน
บทบาทเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีต่อการจัดการทางการเงิน
ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ทำให้มีการพัฒนาคิดค้น สิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำรงชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทำให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทำให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมาก มีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันทำให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอด เวลา เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก บทบาทของการพัฒนาเทคโนโลยีรวดเร็วขึ้นเมื่อมีการพัฒนาอุปกรณ์ทางด้าน คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้องให้เห็นอยู่ตลอดเวลา ในช่วง พ.ศ.2523 เป็นต้นมา ความเจริญก้าวหน้าทางด้านคอมพิวเตอร์ และระบบสื่อสารข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อประมวลผลข้อมูลเป็นไปอย่างกว้างขวาง มีการส่งถ่ายข้อมูลระหว่างกันเป็นจำนวนมาก เกิดการประยุกต์งานด้านต่าง ๆ เช่น ระบบการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ การใช้โทรสาร (facsimile) ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (electronic mail) ชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์ที่มีบทบาทเพิ่มขึ้น จากปี พ.ศ. 2528 กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดให้มีการเรียนคอมพิวเตอร์จากเดิมเป็นวิชาเลือก แต่ในปัจจุบัน ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2542 กำหนดให้นักเรียนทุกคนต้องเรียน เพื่อให้เยาวชนทุกคนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของเทคโนโลยีสารสนเทศ และนำไปประยุกต์ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณธรรม จริยธรรม
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในงานการเงินและการพาณิชย์
สถาบัน การเงินต่างๆ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในรูปแบบของเครื่องถอนเงินโดยอัตโนมัติ หรือ ATM เพื่ออำนวยความสะดวกในการฝาก ถอนเงิน และได้นำคอมพิวเตอร์ระบบออนไลน์และออฟไลน์เข้ามาช่วยในการทำงานประจำวันของ ธนาคาร
ระบบสารสนเทศด้านการเงิน (Financial Information System)
ระบบสารสนเทศด้านการเงิน จะเกี่ยวกับสภาพคล่อง (Liquidity) ในการดำเนินงาน เกี่ยวข้องกับการจัดการเงินสดหมุนเวียน ถ้าธุรกิจขาดเงินทุนอาจก่อให้เกิดปัญหาขึ้นทั้งโดยตรงและอ้อม โดยที่การจัดการทางการเงินจะมีหน้าที่สำคัญ 3 ประการ ดังนี้
1. การพยากรณ์ (Forecast) คือการศึกษาวิเคราะห์ การคาดการณ์ การกำหนดทางเลือก และการวางแผนทางด้านการเงินของธุรกิจ เพื่อใช้ทรัพยากรทางการเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยนักการเงินสามารถใช้หลักการทางสถิติและแบบจำลองทางคณิตศาสตร์มาประยุกต์ การพยากรณ์ทางการเงินจะอาศัยข้อมูลทั้งภายในและภายนอกองค์การ ตลอดจนประสบการณ์ของผู้บริหารในการตัดสินใจ
2. การจัดการด้านการเงิน (Financial Management) คือการบริหารเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น รายรับและรายจ่าย การหาแหล่งเงินทุนจากภายนอก เพื่อที่จะเพิ่มทุนขององค์การ โดยวิธีทางการเงิน เช่น การกู้ยืม การออกหุ้น หรือตราสารทางการเงิน
3. การควบคุมทางการเงิน (Financial Control) เป็นการติดตามผล ตรวจสอบ และประเมินความเหมาะสมในการดำเนินงานว่าเป็นไปตามแผนที่กำหนดหรือไม่ ตลอดจนวางแนวทางแก้ไขหรือปรับปรุงให้การดำเนินงานทางการเงินของธุรกิจมี ประสิทธิภาพ โดยที่การตรวจสอบและการควบคุมทางการเงินของธุรกิจจะจำแนกได้ 2 ประเภท คือ
3.1 การควบคุมภายใน (Internal Control)
3.2 การควบคุมภายนอก (External Control)
ที่มา : เทคโนโลยีสาระสนเทศกับแนวโน้มโลกในอนาคต
http://thaigoodview.com/node/26055?page=0%2C3
วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553
คำศัพท์น่ารู้
1. ตราสารหนี้ หมายถึง ตราสารแสดงความเป็นหนี้ หรือสัญญาเงินกู้ที่บริษัทออกให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป โดยสัญญาว่าจะใช้เงินามกำหนด และจ่ายดอกเบี้ยตามกำหนดกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เป็นตราสารสิทธิที่แสดงความเป็น เจ้าหนี้ของกิจการ
2. ตราสารทุน หมายถึง ตราสารที่บริษัทออกให้แก่ผู้ถือเพื่อแสดงสิทธิการเป็นเจ้าของในกิจการนั้น ประเภทของตราสารทุนได้แก่ หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ์ เป็นต้น
3. Conflict of interests หมายถึง ความขัดแย้งหรือไม่ลงลอยกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ตัวอย่างเช่น นักธุรกิจที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอาจมีความขัดแย้งกันระหว่างผลกำไรของบริษัทที่ตนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของชาติ จากการตัดสินใจบางอย่างผ่านกลไกของรัฐ
4. Agency problem หมายถึง "ปัญหาตัวแทน" ตัวอย่างเช่น ผู้บริหารที่เป็นเจ้าของหรือผู้ที่หุ้นด้วยมักจะไม่มีผลประโยชน์ขัดแย้งกับทีมบริหารของบริษัท เขาได้รับรางวัลจากการทำดีของเขาและได้รับการลงโทษจากการกระทำผิดของเขา การทำความดีโดยส่วนตัวของเขาก็เพื่อมูลค่าของบริษัทในบริษัทใหญ่ๆโดยมากผู้บริหารไม่ใช่เจ้าของ และเขาก็ไม่ได้ทำดีที่สุดเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้เป็นเจ้าของ เช่น ย้ายไปอยู่ตีกที่ยิ่งใหญ่พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวก และพนักงานที่เกินความจำเป็น ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะว่าผู้บริหารของบริษัทถูกจ้างในฐานะของตัวแทนบริษัท ซึ่งเรียกว่า ปัญหาตัวแทน Agency Problem
5. Social Responsibility หมายถึง "ความรับผิดชอบต่อสังคม" ในเรื่องการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ การแก้ไขปัญหาสังคม หรือการแสดงสำนึกต่อสังคมเพื่อเป็นการตอบแทนประโยชน์ที่ได้รับจากสังคมและชุมชนหรือแสดงความสำนึกในการก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมจากการประกอบธุรกิจ
6. CFO(Chief Financial office) ตอบ ผู้บริหารระดับสูงทางด้านการเงิน เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์ขององค์กรเพื่อให้เติบโตอย่างมั่นคง CFO เป็นตำแหน่งที่ขึ้นตรงกับบริษัททำหน้าที่ดูแลหน่วยงานด้านบริหารการเงิน CFO ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจในธุรกิจ มีความรู้เรื่องระบบบริหารความเสี่ยงนอกจากนี้ยังสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่องค์กรจากวิกฤตการณ์ต่างๆที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
2. ตราสารทุน หมายถึง ตราสารที่บริษัทออกให้แก่ผู้ถือเพื่อแสดงสิทธิการเป็นเจ้าของในกิจการนั้น ประเภทของตราสารทุนได้แก่ หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ์ เป็นต้น
3. Conflict of interests หมายถึง ความขัดแย้งหรือไม่ลงลอยกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ตัวอย่างเช่น นักธุรกิจที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอาจมีความขัดแย้งกันระหว่างผลกำไรของบริษัทที่ตนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของชาติ จากการตัดสินใจบางอย่างผ่านกลไกของรัฐ
4. Agency problem หมายถึง "ปัญหาตัวแทน" ตัวอย่างเช่น ผู้บริหารที่เป็นเจ้าของหรือผู้ที่หุ้นด้วยมักจะไม่มีผลประโยชน์ขัดแย้งกับทีมบริหารของบริษัท เขาได้รับรางวัลจากการทำดีของเขาและได้รับการลงโทษจากการกระทำผิดของเขา การทำความดีโดยส่วนตัวของเขาก็เพื่อมูลค่าของบริษัทในบริษัทใหญ่ๆโดยมากผู้บริหารไม่ใช่เจ้าของ และเขาก็ไม่ได้ทำดีที่สุดเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้เป็นเจ้าของ เช่น ย้ายไปอยู่ตีกที่ยิ่งใหญ่พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวก และพนักงานที่เกินความจำเป็น ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะว่าผู้บริหารของบริษัทถูกจ้างในฐานะของตัวแทนบริษัท ซึ่งเรียกว่า ปัญหาตัวแทน Agency Problem
5. Social Responsibility หมายถึง "ความรับผิดชอบต่อสังคม" ในเรื่องการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ การแก้ไขปัญหาสังคม หรือการแสดงสำนึกต่อสังคมเพื่อเป็นการตอบแทนประโยชน์ที่ได้รับจากสังคมและชุมชนหรือแสดงความสำนึกในการก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมจากการประกอบธุรกิจ
6. CFO(Chief Financial office) ตอบ ผู้บริหารระดับสูงทางด้านการเงิน เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์ขององค์กรเพื่อให้เติบโตอย่างมั่นคง CFO เป็นตำแหน่งที่ขึ้นตรงกับบริษัททำหน้าที่ดูแลหน่วยงานด้านบริหารการเงิน CFO ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจในธุรกิจ มีความรู้เรื่องระบบบริหารความเสี่ยงนอกจากนี้ยังสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่องค์กรจากวิกฤตการณ์ต่างๆที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2553
จุดมุ่งหมายในการจัดการการเงิน
เป้าหมายของการดำเนินธุรกิจ คือ ความมั่งคั่งสูงสุดของเจ้าของ นั้นหมายถึงว่า ราคาหุ้นของกิจการมีราคาสูงสุด ซึ่งดชนีวัดความมั่งคั่งของเจ้าของวัดจาก กำไรต่อหุ้น และราคาหุ้น (Stock Price) ผู้จัดการการเงินจะต้องหาแนวทางในการเพิ่มความมั่งคั่งแก่เจ้าของสูงสุด คือ การเพิ่มมูลค่าหุ้นสามัญสูงสุด ข้อได้เปรียบของการเพิ่มมูลค่าสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น คือ การวัดมูลค่าสูงสุดจะคิดถึงกำไรของกิจการในปัจจุบันและอนาคต โอกาสของการเกิดความเสี่ยงของกระแสเงินสด และเงินปันผล นอกจากนี้แล้วเป้าหมายของธุรกิจคือเป้าหมายให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ ความอยู่รอดของธุรกิจเอง และพนักงานทำงานอย่างเป็นสุข
ความสำคัญของการบริหารจัดการทางการเงิน
การบริหารทางการเงินเป็นงานที่สำคัญ เพราะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการไหลเยนของเงินสด และทรัพยากรต่างๆของธุรกิจ ซึ่งมีความสำคัญต่อการอยู่รอดและความมั่นใจในธุรกิจ ดังนั้น วัตถุประสงค์ของการบริหารการเงิน จึงมี 2 ประการ คือ 1.กำไร (Profitability) 2.สภาพคล่อง (Liquidity)
การบริหารการเงินที่มีประสิทธิภาพจะต้องทำให้กิจการมีกำไรสูงสุด ในขณะเดียวกันจะต้องมีสภาพคล่อง สามารถมีเงินใช้จ่ายได้เพียงพอเมื่อถึงกำหนดที่ต้องการ
ปัจจัยที่สำคัญในการที่จะทำให้กิจการมีกำไรและมีสภาพคล่อง
- การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่าย
- การตั้งราคา
- ต้นทุนของเงินทุนต่ำ
- โครงสร้างของเงินทุนที่เหมาะสม
- การคาดคะเนไหลเวียนของเงินสด
- การจัดหาเงินทุนให้ได้ตรงตามกำหนดที่ต้องการ
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)